วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทำช็อคโกแลตทรัฟเฟิล ด้วยผงโกโก้(เมนูด้้นสด)


        ตั้งชื่อว่า melt choco truffles นุ่มๆ ละลายในปากและละลายในมือ 555 นี่เป็นเมนูเก่าหลายปีมาแล้วนะคะ ตอนนั้นจำได้ว่าอยากกินช็อคโกแลตมากหาขนมให้พ่อทานด้วยค้นๆ ดูตู้กับข้าวเจอแต่ผงโกโก้ที่ำลังจะหมดอายุ อยู่ดีๆ ในสมองก็จี๊ดขึ้นมาคำว่าช็อคโกแลตทรัฟเฟิลเราก็พอรู้มาว่าทำได้ ด้นสดเอาเลยลองดูเริ่มจากเอาผงโกโก้มาแปลงเป็นช็อคโกแลตก่อนใส่เนย วิปปิ้งครีม น้ำตาล กลิ่นวานิลลา เหล้า แล้วพอได้ช็อคโกแลตเหลวแล้วเราก็ทำเป็นทรัฟเฟิลต่อ โดยเติมนม กะอื่นๆ อีกนิดหน่อย

       ผ่านไปอย่างทุลักทุเล ส่วนรสชาติใช้ได้เลยพอไปวัดไปวา วันนี้แป้งค้นเจอสูตรที่แป้งเคยเขียนไว้คราวๆ ว่าทำตามนี้ 

          ส่วนผสม

เนยเค็ม 100 กรัม
วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย
น้ำตาล 1 ถ้วย
ผงโกโ้ก้ 1/4 ถ้วย
กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
เหล้าฝรั่ง เหยาะลงไปเล็กน้อยเติมนมถ้าข้นไป เติมโกโก้ถ้าเหลวไป

เคลือบด้วย ผงโกโก้และถั่วสับ (อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แมคคาเดเมีย)
        - ตีเนยนิ่มตามด้วยวิปปิ้งครีมใส่น้ำตาลตีจนฟูนุ่ม
        - เติมผงโกโก้ กลิ่น เหล้าตีต่อจนเข้ากัน(เติมนมถ้าข้นไป เติมโกโก้ถ้าเหลวไป)
        - แช่ตู้เย็นเพราะอากาศร้อนมากกกก ทีนี้ถึงเวลาสนุกแล้วสิ เอาช้อนขึ้นมาหรือใช้ที่ตักไอศกรีมก็ได้ปั้นเป็นก้อนกลมๆ
        - แช่ตู้เย็นอีกรอบเอาออกมาคลุกเคลือบกับผงโกโก้และถั่วตามชอบ
        - ก่อนจัดเสิร์ฟแช่ตู้เย็นใส่กล่องให้เรียบร้อย เมื่อไหร่จะเอาออกมาทานก็ได้ค่ะแต่ต้องแช่เย็นเป็ฯอย่างต่ำ 1 ชั่วโมงนะคะ


ไปนั่งดูคุณชายรัชชานนท์ดีกว่า หึหึ >.,<


วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กุ้งอบ(ผัด)วุ้นเส้นให้กำลังใจตัวเองด้วยการกินของอร่อย


            การออกแบบชีวิตให้ดีไม่ใช่เรื่องยาก ความยากอยู่ที่ทำอย่างสม่ำเสมอเมื่อต้นปีแป้งเขียนสิ่งที่อยากทำไว้แต่ก็ทำได้บ้างทำไม่ได้บ้าง มีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

10 ข้อที่ควรทำให้ได้ในปีนี้ (เข้ามาหลายเดือนแล้วยังทำได้ไม่ครบเลย)

1.ก๊อปปี้สูตรขนมที่ปรับจนลงตัวเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
2.ส่งประักันสังคมสักที
3.ลดความเครียด งดได้เป็นดี
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและลดน้ำหนัก
5.วางแผนการเงิน การลงทุนที่ถูกวิธีทำประกันเก็บเงินเพื่อตัวเองและพ่อแม่
6.ฝึกทำขนมและโปรโมทร้าน
7.ถึงมันไม่เสำเร็จก็แค่เริ่มงานศิลปะก็ต้องการการวางแผน วางแผนทำธุรกิจขนมหรือวาดรูปไดอารี่ให้จริงจัง 

8.ถึงแม้ว่ามันจะยากแต่ถ้าไม่ลงมือทำก็ยังไม่เริ่มสักที
9.ถ้ามันไม่เสำเร็จก็แค่เริ่มใหม่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเราทำดี่สุดแล้ว ดังนั้นจงลงมือทำ..
10.หันมาใส่ใจตัวเองยิ้มสวยๆ และเติมกำลังใจให้เต็มทุกเช้า


ข้อ 7 8 กับ 9 อินมาจากการดูหนังเรื่อง ยอดมนุษย์เงินเดือน ค่ะ

แล้วเพื่อนๆ หล่ะมีสิ่งที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้างรึเปล่าคะ เอามาแชร์กันได้น้า~~~ (เราจะเริ่มลงมือทำกันเมื่อไหร่หล่ะ) 

สูตรกุ้งอบวุ้นเส้น (สูตรคุณแม่) แป้งลงไว้ในเฟสบุ้คช่วงนั้นอยากวาดรูปค่ะ ก็เลยมีภาพสูตรแทนที่จะพิมพ์ ^____^ 




กุ้งอบวุ้นเส้นแบบไม่อบดูสูตรน้า รสชาติเข้าเนื้อกว่าเยอะ ลองทำดูคุณทำได้!!!!


สูตรกุ้งอบวุ้นเส้นแบบไม่อบ ไม่มัน แต่อร่อยมากกกกกกกกกก

 ถ้าชอบทานมันๆ ก็ใส่มันหมูลงไปตอนผัดกระเทียมให้หอม เน้นรสชาติออกหวานนำนะคะ


ก่อนที่จะเอาฝาปิด เราต้องผัดกระเทียม พริกไทยดำป่น รากผักชี ขิงหั่นแว่นกับน้ำมันให้หอมแล้วหนึ่งรอบค่ะ หลังจากนั้นก็ใส่น้ำมันงาอีกครั้งตอนใส่กุ้ง 

ไม่ต้องใส่น้ำค่ะ ขยันคลุกคนให้เครื่องให้เส้นเข้ากัน ไม่ติดกระทะเวลาที่เอาฝาหม้อปิดเป็นเวลาสั้นๆ และไฟอ่อนไม่เคยมีปัญหาเรื่องไหม้นอกจากจะปิดไว้เกินเวลาค่ะ

 (เคล็ดลับ!! ทำแบบผัดเลยหล่ะ ไม่ได้อบแบบตามร้านค่ะแบบนี้รสชาติเข้าเนื้อกว่าเยอะ ลองทำดูนะคะ)



วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทำโพลเค้กขายดีและสูตรเห็ดย่างซีอิ๊ว

        ไม่ได้เขียนบล็อกหลายวันติดลมอยากเขียนอีกค่ะ มีเมนูเค้กขายดีของทางร้านประจำปี 2555 มาโชว์นิดนึง 4 เมนูนี้เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากกค่ะมีออเดอร์ตลอดสนใจสั่งได้นะคะ มาม่อนเค้ก เค้กกล้วยน้ำว้าโยเกิร์ต บราวนี่และทอฟฟี่เค้กกำลังตามมาติดๆ ค่า

แท่ม ทะ ดะ แดม แด่ม แท่ม แท่ม แท่มแท้มแท๊มมมมมม!!!


แป้งไปลงประกาศไว้ที่ http://www.roytawan.com/forum/index.php/topic,23128.msg104083.html#msg104083 นี่ด้วยค่ะ

         เปิดร้านขนมเนี่ยถือเป็นประสบการ์ณใหม่และได้ผลลัพธ์ที่ดีมากค่ะ ช่วยให้ใจเย็นขึ้นเอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น มีความสุขมากเลยค่า

เอาหล่ะสบายใจแล้ว มาลงสูตรเห็ดย่างซีอิ๊วต่อดีกว่า..

มีช่วงนึงที่บ้านแป้งปลูกเห็ดขายและกินเองค่ะ ตอนที่ทำก็มักสรรหาเมนูกับข้าวแบบเห็ดๆ เสมอ เห็ดสดนี่อร่อยจริงนะรับประกัน กินเห็ดกันมั้ย มั้ย มั้ย มั้ย กินเห็ดกินเข้าไป ไป ไป ไป 
กินแล้วถ่ายสบายยยย เดี๋ยวพี่พาไปกินเห็ด เห็ด เห็ด เห็ด เห็ด เห็ด เห็ด 




สวยมาก สดมาก เพิ่งดึงออกจากก้อนเห็ดเลยค่ะ อร่อยฝุดๆ


สูตรนะคะ
เอาเห็ดไปย่างพอเกรียมๆ 
แล้วก็เอากระเทียมเอาเห็ดที่ย่างแล้วมาใส่กระทะ 
ปรุงรสด้วยมิริน 
น้ำสายชูแอ๊ปเปิ้ล 
น้ำตาลนิดนึง 
ซี้อิ้วขาวหน่อย 
พริกไทยดำโรยๆ 
ชิมได้ที่ เอาขึ้น ใส่จาน


อย่าลืมใส่ปากด้วยค่ะ!!! >.,< 

อร่อยแบบไม่อ้วน อร่อยแบบเบาๆ กินได้ไม่มีเบื่อเลยค่ะ


วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เผือกหิมะมันๆ หวานๆ

      เผือกหิมะเป็นของทานเล่นที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เตาอบค่ะ เดี๋ยวนี้หาทานอร่อยยากและมีข้อแม้ต้องทานร้อนๆ อย่ากระนั้นเลยทำกินเองดีกว่าถูกตังค์กว่าด้วย

      มาดูส่วนประกอบกันค่ะใช้น้อยอย่างมากเชื่อว่านอกจากเผือกแล้วทุกอย่างมีอยู่ในครัวทุกบ้านแน่นอน แป้งทำเผือกหิมะให้ที่บ้านทานตั้งแต่สมัยยังไม่ทำขนมขายเป็นอาชีพยังไม่ได้เปิดร้านแป้งหอมเบเกอร์รี่ค่ะ ดังนั้นเชื่อได้ว่าเมนูนี้ใครๆ ก็ทำได้ขั้นตอนไม่เยอะแป็ปเดียวได้ทานละ


วัตถุดิบ

  • เผือกหัวใหญ่ 1 หัว (หั่นเป็นแท่งสี่เหลี่ยม)
  • น้ำมันพืช (ควรเลือกใช้น้ำมันที่เหมาะกับการทอดค่ะ เพราะใช้ความร้อนสูง)
  • กระดาษสำหรับซับน้ำมัน
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม (น้ำตาลเป็นตัวการทำให้เกิดการตกผลึกค่ะ ถ้าใส่น้อยก็อาจจะเคลือบได้ไม่ทั่วแต่ไม่หวานสำหรับคนชอบหวานน้อยๆ)
  • น้ำเปล่า 30 กรัม
  • ต้นหอมซอย ซอยไว้สัก 1 ถ้วย

(แป้งไม่ได้ชั่งตวงวัดแน่นอนนะคะ เพราะว่าที่บ้านไม่ชอบทานหวานมากก็ปรับไปตามปริมาณเผือกค่ะ)

วิธีทำ(รอบที่ถ่ายรูปไว้เป็นหนที่ลดน้ำตาลลงเยอะมาก แทบจะไม่เกาะเลยแต่ที่บ้านบอกหวานกำลังดี ฮา)

- ทำความสะอาดปอกและหั่นเผือกเป็นท่อนๆ ท่อนเล็กหน่อยก้ได้ค่ะ ดูจากที่บ้านแย่งกันทานชิ้นเล็กเพราะเข้าเนื้อกว่า
- ตั้งเตาใส่น้ำมันลงในกระทะไฟอ่อนค่อนไปทางกลางค่ะ ทอดเผือกให้ออกสีทองนิดๆ จนสุก
- พักเผือกเอาไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
- ใส่น้ำและน้ำตาลลงในกระทะให้เดือดพยายามคนให้เข้ากันเร็วๆ ใส่ต้นหอมตามลงไปเลยค่ะ
- ใส่เผือกที่ทอดเอาไว้ลงไปคลุกให้น้ำตาลที่เชื่อมไว้เคลือบกับเผือกให้ทั่ว
- จากนั้นปิดไฟ คลุกไปเรื่อยๆ สักพักจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของเผือก มีน้ำตาลขึ้นเป็นเกล็ดสีขาวเกาะอยู่และแห้ง
- ตักใส่จานเสิร์ฟ แล้วก็อย่าลืมบอกทุกคนที่รอทานอยู่ว่า ระวังร้อน (ข้างในเผือกยังระอุอยู่ค่ะ) ^^


*บางตำราเขาบอกให้ใส่งาขาวหรืองาดำลงไปด้วยได้ค่ะ ก็ใส่ลงไปสัก 2 ช้อนชากำลังดีไม่เยอะเกินไป
**ถ้าชอบรสเค็มปะแล่มก็ใส่เกลือไปสัก 1 หยิบมือนะคะ ใส่ตอนทำน้ำเชื่อมได้เลยค่ะ
***ของว่างชนิดนี้ เรียกว่าเผือกทอดหิมะนะคะสามารถทำทานตอนช่วงเทศกาลกินเจได้ด้วยหล่ะ :D

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ร้อนๆ แบบนี้ต้องลอยแก้ว


        สละลอยแก้ว สตอเบอรี่ลอยแก้ว กระท้อนลอยแก้ว  ที่บ้านชอบทานลอยแก้วมากค่ะทำทานเองใส่น้ำตาลไม่ต้องเยอะเน้นเปรี้ยวอมหวานตัดเค็มปะแล่ม

         ยิ่งนึกยิ่งอยากกินอีก!! ตอนนี้แช่ช่องฟรีซเอาไว้ค่ะทานแทนไอศกรีม แผล่บ แผล่บ >.,< เอาไว้ทำลอยแก้วอีกจะถ่ายรูปมาลงเพิ่มนะคะ

         หนนี้ทำสละลอยแก้วโดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลยเพราะสละเริ่มแห้งแกะยากแล้วเลยใช้กรรไกรสำหรับทำอาหารมาตัดหัวท้ายตัดเปลือกออกจะได้แกะง่ายขึ้นไม่เจ็บนิ้ว ถ้าไม่รีบเอามากินซะตั้งแต่ตอนนี้อาจจะแห้งจนต้องทิ้งไป เสียดายยยยย T-T

อุปสรรคที่ 2 คือหามีดคว้าน(มีดแกะสลัก)ไม่เจอเลยต้องใช้มีดอันเล็กคว้านแทนออกมาไม่งามเลยแต่อร่อยน้า

       
เคล็ดลับของสูตรนี้คือใส่ใบเตยหอมลงไปต้มกับสละเลยค่ะ จะช่วยให้ลอยแก้วมีกลิ่นชวนทานยิ่งขึ้น ยิ่งทานตอนอากาศร้อนนะ ไม่ต้องพูดถึงเลยสดชื่นจริงๆ

เริ่มทำกันเลยดีกว่า
  1. คว้านเม็ดสละออกให้หมด (สตอเบอรี่ไม่ต้องคว้านค่ะ กระท้อนเอาเฉพาะเนื้อส่วนที่เปรี้ยว) สักประมาณ 3 ขีด แล้วพักไว้
  2. น้ำเปล่ากะเอาพอท่วมสละสักเล็กน้อย
  3. น้ำตาลทรายประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะพูนๆ (ถ้าชอบหวานเติมได้ค่ะให้เติมทีละครึ่งช้อนโต๊ะค่อยๆ ชิมค่ะ)
  4. เกลือป่น 1 หยิบมือ (เพิ่มได้เพื่อให้ตัดรสหวาน)
  5. ใบเตยหอมมัดให้เป็นปม
  6. มะนาวฝาน

วิธีทำ
ตั้งหม้อใส่น้ำ น้ำตาลและเกลือลงไปเปิดไฟปานกลางรอให้ละลายเข้ากัน
จากนั้นใส่เบเตยหอมลงไปรอให้เดือดและกลิ่นเริ่มหอม
ใส่สละหรือผลไม้อื่นที่เตรียมไว้รอให้เดือดเหลือไฟเบา ชิมแล้วปรุงรสอีกที
จากนั้นปิดไฟพักไว้ให้เย็น ก่อนเสิร์ฟให้แช่ตู้เย็นไว้ก่อนนะคะทานเย็นๆ ไม่ต้องเติมน้ำแข็งเพิ่มเพราะเราทำแบบหวานน้อยอยู่แล้ว

****บีบมะนาวลงไปเล็กน้อยจะเพิ่มความหอมมะนาวแป้งชอบเติมค่ะ

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีกำจัดกล้วยน้ำว้าวิธีที่หนึ่ง ขนมกล้วยยยยย

             มาไวไปไวนะคะ มีรูปที่ถ่ายออกมาชัดสวยแค่รูปเดียวเองตั้งแต่ปีที่แล้วโน่นนน เพราะทำไปหลายครั้งก็มักไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเมนูนี้เก็บไว้ ขนมง่ายอีกแล้วววใช้กล้วยน้ำว้าเยอะซะด้วยแต่แป้งจำไม่ได้ว่าสูตรนึงทำได้กี่ถ้วยนะคะ ก็เล่นเปลี่ยนแพคเกจเป็นถ้วยเล็กบ้างใหญ่บ้างใบตองบ้างก็เลยไม่ได้จดไว้สักกะที -_-"


             สูตรขนมกล้วยของที่บ้านเป็นแบบนี้ค่ะ ทำง่ายมากถือเป็นอีกวิธีที่ได้กำจัดกล้วยน้ำว้าและเมนูนี้แค่มีซึ้งนึ่งก็ทำได้แล้ว ส่วนผสมมีเท่านี้ค่ะ เป็นสูตรที่ดัดแปลงมาจากสูตรอื่นเล็กน้อยค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าปรับมากี่ครั้งและเอามาจากไหนบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ m(._.)m

  1. กล้วยน้ำว้า 5 ผล
  2. แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวงหรือ 12 ช้อนโต๊ะพูนๆ 
  3. เกลือ 2 หยิบมือ
  4. กะทิ 1/2 ถ้วยตวง (ถ้าไม่มีถ้วยตวง ให้ใช้ถ้วยโยเกิร์ตตวงแทนถ้าส่วนผสมเหลวไปให้เติมแป้งทีละ 1 ช้อนโต๊ะ)
  5. น้ำตาลปี๊บ ก้อนเท่าหัวแม่มือ 2 ก้อน (เพิ่มลดได้ตามชอบ)
  6. มะพร้าวทึนทึกโรยหน้า (ไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำ
บดกล้วยให้ละเอียดยิ่งละเอียดยิ่งดี
ผสมแป้ง เกลือ น้ำตาลปี๊บ และกะทิคนให้เข้ากัน 
ใส่กล้วยที่บดไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ส่วนผสมจะเหนียวข้น
เช็คความข้นโดยการตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ถ้าส่วนผสมหนืดเป็นก้อนข้นๆ หยดลงแบบนี้ใช้ได้แล้วค่ะ
ตั้งน้ำในซึ้งให้เดือดจัด
เอาส่วนผสมใส่ถ้วยเล็กๆ หรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วใส่ลงไปในซึ้งนึ่ง 20 นาที เท่านี้ก็เรียบร้อยค่า 

          

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อยากตีมายองเนสเอง สลัดครีมเองทำได้ไม่ยาก

               น้ำสลัดอร่อยๆ เราสามารถทำออกงานได้เลยนะคะ เวลามีแขกมาบ้านหาไส้กรอก ผักทอด หรือเฟรนฟรายด์ดิ๊บไปคุยไปอย่างเช่นที่บ้านแป้ง ไม่มีใครไม่ชอบน้ำสลัดที่สด อร่อยแบบไม่มีสิ่งแปลกปลอมไม่มีสารกันเสียใดๆ

               สิ่งสำคัญเวลาที่เราทำโฮมเมดคือสดใหม่ และไม่ต้องทานวัตถุกันเสียค่ะ แป้งก็เลยชอบมากๆ ชอบทำกับข้าวทานเอง ทำขนมทานเองเสมอ วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากค่ะทำในเครื่องปันได้เลยเครื่องแบบไหนหรอคะ เครื่องปั่นน้ำผลไม้นั่นแหละค่ะ ใส่ลงไปปั่นๆๆๆ เสร็จเรียบร้อย รวดเร็วทันใจมากค่ะ




วันนี้แป้งเอาสูตรมายองเนสและสลัดครีมมาลงไว้ในบล็อกเพราะอยากให้ดูว่ามันไม่ยากส่วนประกอบไม่เยอะและทำทานเองก็อร่อยไม่แพ้ของที่ไปซื้อตามห้างสรรพสินค้า >..<

สูตรมายองเนสตัวนี้
แป้งว่ารสยังอ่อนไปหน่อยค่ะ เติมเกลือ น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชูได้อีกนะลองชิมดูตามชอบค่าสูตรน้ำสลัดไข่แดง
-ไข่แดง 3 ฟอง (50 กรัม)

- น้ำตาลทรายบด 1/2 ถ้วย (55 กรัม)

- เกลือ 1 ชช. (3.3 กรัม)

- น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย (100 กรัม)

- น้ำมะนาว 2 ชต. (20 กรัม)

- พริกไทย 1 ชช. (2 กรัม)

- ครีมมัสตาร์ด 1 ชช. (5 กรัม)

- แป้งข้าวโพด 2 ชต. (10 กรัม)

- น้ำ 2/3 ถ้วย (150 กรัม)


วิธีทำ

1. ตีไข่แดง น้ำตาลทรายบดและเกลือจนข้นขาว
2. ค่อยๆเทน้ำมันพืชลงไปทีละน้อย ผสมจนเข้ากันจึงใส่น้ำมะนาว พริกไทย และมัสตาร์ด ผสมจนเข้ากันดีพักไว้
3. ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำนำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนแป้งสุกข้นพักไว้ให้เย็นเทลงในส่วนไข่ผสมให้เข้ากันดี

ที่มา : 
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=beebie&date=29-04-2010&group=2&gblog=
70#ixzz2RTSGkKWJ
อิตาเลี่ยนครีมสลัด- ไข่ไก่ 1 ฟอง ฟองใหญ่ค่ะ ( ใช้ทั้งไข่แดงและไข่ขาว)- เกลือ 1 ช้อนชา
- พริกไทย 1 ช้อนชา
- น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นหวาน 15 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (น้ำมันมะกอกก็ยิ่งดีค่ะ) 1/2 ถ้วยตวง
-วิปปิ้งครีม 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ตีไข่ให้แตกใส่เกลือ นมข้นหวาน ใส่พริกไทย
2.ค่อยๆใส่น้ำมันทีละน้อย สลับกันตีให้เนียน
3.ใส่น้ำมะนาวแล้วตีให้เข้ากันเนียนๆ แต่ไม่ต้องถึงกับข้น4.ทำดับเบิ้ลบอยเลอร์ ด้วยการนำหม้อสองใบมาซ้อนกันให้ขนาดของใบล่างเล็กกว่าใบบนน้อยใส่น้ำสัก 1/4 ของหม้อ ส่วนใบบนก็วางลงไปด้านบนปากหม้อค่ะ พอน้ำเดือดใส่น้ำสลัดทีเราทำมาได้ครึ่งทางลงไปสัก 1-2 นาทีไม่ต้องคนนะคะรูปร่างจะคล้ายๆไข่ตุ๋นแต่ไม่ต้องสุกแข็งแบบไข่ตุ๋นนะคะ

4.ใส่วิปปิ้งครีมลงไปแล้วตีให้เข้ากัน ใส่ภาชนะ เก็บไว้ในตู้เย็นได้ 1 อาทิตย์
ที่มาดัดแปลงจาก : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gooddog&month=10-2008&date=20&group=3&gblog=21

ขอบคุณสูตรดีๆ จากพี่Beebie และคุณหมาดำปราณบุรีมากๆ ค่า


พิซซ่าโลโซ แก้ขัดชะงัดนัก!!

             
                โปรยชื่อมาซะขนาดนี้ พิซซ่าโลโซคืออะไรหนอ ที่ตั้งชื่อนี้เป็นเพราะใช้ขนมปังแผ่นทำค่ะขนมปังแผ่นแป้งเก็บไว้ในช่องฟรีซหลายวันแล้ว บวกกับเบื่ออาหารด้วยค่ะพอเปิดตู้เย็นปุ๊บเห็นขนมปังปั๊บเหล่ตาไปเจอมายองเนสอีก อ่าาาาาทำพิซซ่ากินละกัน ^^


ช่วยประทังชีวิตไปได้เลยหล่ะค่ะ ง่ายด้วยเพราะไม่ต้องนวดแป้งขนมปัง 555 


เริ่มเลยดีกว่าไม่รอช้าแล้วส่วนประกอบง่ายๆ ก่อนที่จะเป็นพิซซ่าขนมปังแป้งเรียกพิซซ่าโลโซ (Pizza Breadหรือไม่ก็เรียกว่าPizza Toast)

1.ขนมปังแผ่นไม่ต้องตัดขอบ

2.ซอสมะเขือเทศเข้มข้น

3.ของคาว (เนื้อสัตว์ต่างๆ ไส้กรอก ไก่ชิ้น แฮม ปูอัด กุ้งเลือกใส่ได้ใส่ตามใจชอบค่ะ)

4.ผักที่เข้ากันกับพิซซ่ามีหลายอย่างยิ่งอร่อยค่ะ แต่แป้งมีไม่ครบนะคะ (หอมหัวใหญ่ซอย สับปะรด พริกหวาน ข้าวโพดอ่อน มะเขือเทศ แครอท แตงกวาดอง )

5.มายองเนสหรือน้ำสลัดเข้มข้น

6.มอสซาเรลลาชีสและเชดดาชีส (ไม่ได้ใส่ค่ะ เพราะทำทานกับแม่แล้วชีสเหลือน้อยมากใส่ไปก็ไม่ยืดไม่ช่วยอะไรเลยไม่ใส่ดีกว่า 555)

7.ออริกาโน (มีก็ควรใส่ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ค่ะ หุหุ)

วิธีทำก็ง่ายมากกกผัดหอมหัวใหญ่ให้หอมเสร็จแล้วตามด้วยผักต่างๆ เอาแค่พอนิ่มนะคะ เดี๋ยวไปสุกต่อในเตาอบ ขั้นตอนที่เหลือให้วางจัดเรียงเป็นชั้นเลยค่ะ เริ่มด้วยขนมปัง -> ทาซอสมะเขือเทศให้ทั่วขนมปัง -> วางเนื้อสัตว์ -> วางผักให้ทั่ว -> วางเนื้อสัตว์อีกที -> ราดมายองเนส -> จัดวางชีสให้ตู้มๆ -> สุดท้ายโรยออริกาโนเล็กน้อย เป็นอันเสร็จพิธี!!!



อบสัก 10 นาทีแล้วแต่เตาอบของแต่ละบ้านนะคะอุณหภูมิ 180 C ค่ะ 


ตริ๊งงงงง
เสร็จแล้วค่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาเสิร์ฟแล้วค่ะ มื้อกลางวันทำพิซซ่าแบบง่ายๆ ที่บ้าน ยืนยันว่าโลโซก็ฟินได้น้าซร๊วบบบบบบบบ 


วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มาทำแยม(ใส)ทานเองกันเถอะ (Jelly Jam)

แป้งเปิดร้านเบเกอรี่โฮมเมดใน Facebook ค่ะ หลายๆ เมนูในบล็อกนี้ก็ทำขายด้วย ลองนำสูตรไปทำดูนะคะ แล้วกลับมาบอกกันค่ะว่าชอบรึเปล่า ^^
เมื่อวานลองทำแยมใส (Jelly Jam) ทดลองทานแล้วอร่อยดีค่ะ เนื้อเค้าจะหยุ่นกว่าและเนื้อละเอียด ไม่เหมือนแยมที่ขายตามท้องตลาดนะคะ อันนี้เข้มข้นเพราะใช้ผลไม้สดไม่ใส่สีด้วย


สูตรแยมใสนะคะ ลองปรับรสชาติกันดูสูตรที่แป้งให้ไปเป็นแบบหวานน้อยค่ะ

น้ำผลไม้ 2 ถ้วยตวง (สตอเบอร์รี่เบอร์รี่ทั้งหลาย เสาวรส ส้ม แอ๊ปเปิ้ล องุ่นใช้อะไรก็ไ้ด้ค่า เอามาต้มและกรองเอาแต่น้ำค่ะครั้งนี้แป้งใช้แบล็คเบอร์รี่เสาวรสและส้มของมีอยู่แล้วในตู้เย็น)
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งกวนไส้ 4 ช้อนโต๊ะ + แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ ( 2 ตัวนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เนื้อแยมเป็นเจลลี่หยุ่นๆ)


ผสมทุกอย่างจนน้ำตาลละลายเข้ากันดีเอาหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนตลอดเวลาจนส่วนผสมเดือดข้น อ้อแล้วอย่าลืมเตรียมล้างขวดแก้วไว้ก่อนด้วยนะคะ


เสร็จเรียบร้อย!!

พักให้แยมเย็นตัวแยมจะข้นขึ้นค่ะ เวลาทานก็เอาแยมใสที่เราทำม
าทาบนขนมปัง ใส่โยเกิร์ต กินกับสโคน หรือไม่ก็ปั่นกับผลไม้แช่แข็งทำเป็นไอติมผลไม้ก็อร่อยไม่แพ้กันค่า
เนื้อแยมของแป้งไม่ใสมากนะคะ เพราะว่าไม่ได้ใช้ผ้าขาวบางกรองหากอยากใสและเร็วใช้น้ำผลไม้เลยค่ะสะดวกด้วย