วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน

        แป้งเคยเขียนบล็อกทำขนมกล้วยมาแล้วนะคะ ที่มาเขียนเพิ่มเติมตรงนี้เพราะว่ามีการดัดแปลงสูตรด้วยเปลี่ยนจากการใส่กะทิเป็นใส่นมถั่วเหลืองสูตรน้ำตาลน้อยแล้วเพิ่มมะพร้าวอ่อนลงไปด้วยค่ะ ไปดูสูตรเดิมกันได้ที่นี่
     
     สูตรขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน(ทำได้ 22 ถ้วย)
  1. กล้วยน้ำว้า 10 ผล
  2. แป้งข้าวจ้าว 20 ช้อนโต๊ะพูนๆ 
  3. เกลือ 2 หยิบมือ
  4. นมถั่วเหลืองดีน่าข้าวญี่ปุ่นหวานน้อย 1 ถ้วยตวง (250 ml.)
  5. น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลทรายหนนี้ใช้ชิมเอาค่ะเพราะอยากให้หวานน้อย  (เพิ่มลดได้ตามชอบ)
  6. มะพร้าวอ่อน (ไม่ใส่ก็ได้)
  7. กลิ่นกะทิและกลิ่นมะพร้าวอย่างละ 1/2 ช้อนชา

บดกล้วยน้ำว้าด้วยที่บดมันฝรั่ง


ผสมแป้ง เกลือ น้ำตาลและนมถั่วเหลืองคนให้เข้ากันหยอดใส่ถ้วย ตั้งน้ำในซึ้งให้เดือดจัดนึ่งประมาณ 15-20นาที


สุกแล้วค่ะ ร้อนๆ เลยควันฉุย


แกะกระดาษออกทำเก็บไว้ทานได้หลายวัน ถ้าห่อใบตองจะหอมใบตองขึ้นนะคะ

        ตรงส่วนของนมถั่วเหลืองสามารถใช้กะทิหรือนมสดแทนได้ค่ะ ที่แป้งใช้นมถั่วเหลืองเพราะว่าอย่างอื่นหมดไม่อยากออกไปซื้อค่ะอยากทานขึ้นมากระทันหันทำเลยทันทีคนๆ ตีๆ เอาขึ้นนึ่งปุ๊บเดียวเสร็จ ^_^

เค้กอัลมอนด์ไข่ขาว สำหรับคนที่แพ้แป้งสาลี gluten-free

                ถึงเวลาทำขนมให้คุณพ่อทานแล้วค่ะ หนนี้เป็นเค้กนะไม่ต้องปรับอะไรเลยค่ะ เพราะได้สูตรที่ไม่ใช้แป้งสาลีอยู่แล้วสูตรมาจากบล็อกพี่ปุ๊ก dailydelicious สูตรนี้ใช้แป้งข้าวเจ้าแทนแป้งสาลีเลยค่ะ

                เมนูนี้ชื่อว่า Apricot Financier (Gluten Free) มาจากหนังสือ スーパーパティシエ辻口博啓のやさしいお菓子 ของ辻口 博啓 (Hironobu Tsujiguchi) ค่ะ อยากได้สูตรแบบนี้อีกเยอะๆ เพราะหลายครั้งที่แป้งแปลงสูตรเองมันออกมาไม่ได้เรื่องค่ะต้องปรับทำแก้ใหม่หลายครั้งมากกกก 555 



ตามที่พี่ปุ๊กบอกสูตรเล็กมากๆ แป้งทำเพิ่มจากสูตร 3 เท่าเลยค่ะ (แต่จำไม่ได้ว่าได้กี่ชิ้น ^^~)

แป้งข้าวเจ้า                                  16 กรัม
อัลมอนด์ป่น (ไม่เอาเปลือกออก) 16 กรัม (บดรวมกันกับแป้งข้าวจ้าว)
ไข่ขาว                                           40 กรัม
น้ำตาลทรายป่น                             40 กรัม
เนยละลาย                                     40 กรัม
กลิ่นวนิลลา                                   1/2 ช้อนชา
กลิ่นวนิลลา                                   1/2 ช้อนชา
แอพริคอต (ไม่ได้ใส่ค่ะ)

เปิดเตาอบที่170 องศาไว้ให้พร้อม!!


ร่อนแป้งข้าวเจ้ากับอัลมอนด์ป่นรวมกันค่ะ


ส่วนที่ยังไม่ละเอียดก็เอามาบดต่อ (ใช้ Almond Powder ก็สะดวกดีนะคะ)


ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายป่นและวนิลลาเข้าด้วยกันจนข้นขาว ค่อยๆ ใส่แป้งกับอัลมอนด์ทีร่อนรวมกันแล้วลงไป


คนให้เข้ากัน เทเนยละลายลงไปแล้วใช้พายยางตะล่อมให้เเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักใส่ถ้วยคัพเค้กจนเกือบเต็มค่ะ


เอาเข้าอบ 20 นาทีหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับเตาอบของแต่ละบ้านนะคะ (สีเหลืองทองสวยเชียว)


เค้กตัวนี้ทำไม่ยากไม่ต้องใช้เครื่องตี แค่มีไม้พายมีตะกร้อมือก็ทำได้แล้ว

             เอาออกมาจากเตาร้อนๆ ตักชิมเลยค่ะ หอมอร่อยชอบแบบนี้หล่ะไม่ต้องใส่ผลไม้แห้งเลย รสชาติหวานแ้ล้วนะคะ ถ้าไม่ชอบหวานลดน้ำตาลได้ินิดหน่อยค่ะ (แต่ถ้าชอบก็ใส่แอพริคอต ลูกเกดหรือแครนเบอรี่ก็ได้ค่ะ) คุณพ่อก็ถูกใจมากเค้กไม่มีครีมแบบนี้อร่อยแต้ อร่อยล้ำเลยหล่ะ

Bon Appitit อร่อยๆ ค่ะ

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รอยัลไอซิ่งคุกกี้ ของขวัญของชำร่วยที่กินได้

              แป้งทำไอซิ่งคุกกี้โดยเริ่มจากดูตัวอย่างในอินเตอร์เน็ตค่ะ จากนั้นก็อุุดหนุนหนังสือพี่หมอพรต้มยำทะเล ได้เทคนิคเพียบเลยหนังสือพี่หมอพรมีรายละเอียดอุปกรณ์และขั้นตอนเป็นรูปอย่างละเอียดเลยค่ะใครชอบแนวนี้ไปซื้อกันได้นะ ^^ เล่มนี้ค่ะ ชื่อหนังสือ ตกแต่งหน้าเค้ก ด้วยน้ำตาลรอยัลไอซิ่ง และฟองดองท์


        เอางานมาให้ดูคร่าวๆ ก่อน กำลังห่อคุกกี้เพื่อส่งทางไปรษณีย์อยู่ค่ะ ใช้ทั้งบับเบิ้ลและกล่องพลาสติกเพื่อกันกระแทก
 

 งานแป้งส่วนใหญ่เป็นงานเส้นงานเขียนตัวหนังสือค่ะไม่ได้ถมเต็มทั้งชิ้น


ชอบงานนี้ค่ะฟอนต์ตัวหนังสือแนวอเมริกันสไตล์




2 รูปนี้เป็นงานจับคู่ชื่อกับหน้าอีโมของขวัญที่ลูกค้าสั่งทำวันวาเลนไทน์

               มามะมาดูสูตรกันต่อโชว์รูปมาหลายรูปละ เริ่มจากตีโดว์คุกกี้แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็น เอาออกมารีดแล้วอบใช้เวลาตามสูตรจากนั้นก็เริ่มตีรอยัลไอซิ่งได้ (ดูงานของเราด้วยค่ะ ว่าเป็นงานเขียน งานถมให้เต็มหรืองานแบบไหนจะได้กะความเหลวความเข้มข้นของตัวไอซิ่งได้ถูกต้อง)

สูตรรอยัลไอซิ่ง (ปรับได้ตามงานนะคะ ถ้าทำน้อยชิ้นลดสูตรลงได้ครึ่งนึงค่ะ)

ไข่ขาว 2 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา (ไม่มีให้ใช้น้ำมะนาวแทนได้ค่ะ)
น้ำตาลไอซิ่ง 200-400 กรัม (ขึ้นอยู่กับงานที่ออกแบบไว้)
แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ


           ตีไข่ขาวจนเริ่มมีฟองหยาบใส่ครีมออฟทาทาร์ลงไปจากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำตาลไอซิ่งลงไปทีละน้อยตีต่อไปจนหมด ขั้นตอนต่อไปใส่แป้งอเนกประสงค์ตีต่อจนได้ที่ค่ะ
 จากนั้นก็แบ่งใส่ถ้วยและผสมสีค่ะ (หลังจากที่ลงสีเสร็จแล้วแป้งต้องการยืดอายุคุกกี้ด้วยการใส่เตาอบอีกครั้งค่ะ อบไฟ 100-120 องศา ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)



 

ยกตัวอย่างสีที่ผสมออกมา ขาว แดง ดำ ส้ม เขียว


งานนี้ลูกค้าบริษัทขายยาจ้างให้ทำคล้ายเม็ดยาแจกที่ศิริราชค่ะ


บอกความในใจกันผ่านคุกกี้ (อ่านออกไหมคะ) งานนี้ทำให้รับรู้ว่าเขียนเป็นภาษาไทยยากกว่าเขียนภาษาอังกฤษมากๆ


งานล่าสุดลูกค้าจ้างให้ทำนกฮูกตาโตแป๋วแหวว ตอนยังไม่ลงสีคล้ายลูกเจี๊ยบเนาะ


ลงสีขนแล้วเป็นไงคะเหมือนมั้ย >.,< 


อะแด๊บมาทำได้อีกหลายงานเลยค่ะอย่างเช่นงานนี้ แต่งเค้กด้วยรอยัลไอซิ่งบนเค้กกล้วยน้ำว้าขนาด 3 ปอนด์ แต่งบนเนื้อเค้กเลยค่ะื ลูกค้าไม่ชอบทานบัตเตอร์ครีม


บีบแมวเหมียวเอาไว้แต่งเค้กหน้านิ่ม เค้กส้ม เค้กช็อคโกแลต (แต่ห้ามเข้าตู้เย็นนะคะเพราะจะละลายเหลวผิดรูป)


ใช้รอยัลไอซิ่งร่วมกับฟองดองแต่งบนคัพเค้กค่ะ บีบรอยัลไอซิ่งแยกไว้เป็นส่วนๆ บีบกุหลาบ บีบดอกไม้ บีบชื่อย่อบนคุกกี้จากนั้นนำมาประกอบกันเป็นของแต่งคัพเค้ก

           งานแบบนี้ต้องใจเย็นและฝึกฝนบ่อยๆ ค่ะมือถึงจะนิ่ง ที่สำคัญรอให้รอยัลไอซิ่งแห้งเ็ซ็ตตัวให้ดีก่อนนะคะก่อนที่จะนำมาใช้งาน รสชาติของรอยัลไอซิ่งก็จะหวานๆ ค่ะหอมมะนาวนิดนึง(ถ้าใส่มะนาว) แต่ถ้าชอบกลิ่นก็ใส่กลิ่นมะลิ กลิ่นมะนาวเพิ่มลงไปอีกได้เช่นกันค่ะ

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

French Toast คาวหวานขนมปังชุบไข่

            เมื่อกลางเดือนที่แล้วเพื่อนสาวแวะมาเยี่ยมบ้านค่ะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเลยตั้งแต่มัธยมปลาย เจอกันทั้งทีก็คุยกันสารพัดเรื่องค่ะช่วงหลังก่อนกลับคุยกันเรื่องทำอาหารเช้าที่เรื่องไม่เยอะแล้วอร่อยดูหรู แป้งนึกถึง French Toast เลยค่ะทำได้ทั้งแบบคาวแบบหวานสัญญากับเจนไว้ว่าจะหาวิธีทำให้ วันก่อนเพิ่งทำขนมปังนึกอยากทานบ้างก็เลยลงมือถ่ายรูปค้นวัตถุดิบในตู้เย็นแล้วทำเดี๋ยวนั้นเลย ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็เสร็จ


           มาดูหน้าตาทำความรู้จักกันหน่อยค่ะ

           French Toast คืออะไรเค้าคือขนมปังชุบไข่นั่นเองงงงง เราสามารถใช้ขนมปังเนื้อนุ่ม ขนมปังไข่ ขนมปังมันฝรั่ง ขนมปังฟักทอง ขนมปังโฮลวีตโฮลเกรนได้ทั้งนั้นแล้วแต่ความชอบเลยค่ะ (แป้งเคยใช้ขนมปังที่ทานไม่หมดเก็บไว้ในช่องฟรีซก็ยังอร่อย >_<)

วัตถุดิบยืดหยุ่นได้ หลักๆ มีประมาณนี้ค่ะ
ขนมปังกี่แผ่นก็ได้ตามขนาดกระเพาะ (วันนี้แป้งใช้ขนมปังโฮลวีตเนื้อแข็งแน่น 3 แผ่น)
ไข่ (แป้งใช้ 1 ฟองค่ะ)
*ออฟชั่นเสริมของหวาน น้ำผึ้ง ผลไม้เช่น กล้วยหอม สตอเบอรี่ ส้ม กีวี  น้ำตาลทราย โอวัลติน ถั่ว แยม ไอศกรีม วิปครีม ครีมชีส เนย ช็อคโกแลตชิพ
**ออฟชั่นเสริมของคาว ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก แฮม ไส้กรอก ชีส เบคอน น้ำสลัด มายองเนส
สามารถเหยาะซอส เกลือ ปรุงรสในไข่ได้ด้วยค่า

       
            เอาล่ะเริ่มเลยค่ะ จับเวลา!!!

    

เตรียมวัตถุดิบ



ตอกไข่


ตีไข่และวางขนมปังลงไปชุบให้ทั่วทั้ง 2 ฝั่ง รอเวลาปล่อยให้ขนมปังดูดซึมไข่เข้าไปสักเล็กน้อย เสร็จแล้วพักไว้


ตั้งกระทะไฟกลางถ้าใช้กระทะเทฟลอนไม่จำเป็นต้องใส่เนยหรือน้ำมัน ถ้าชอบก็ใส่ได้ค่ะจะได้เกรียมๆ
ทอดอย่างใจเย็นไม่ควรกลับด้านขนมปังบ่อย (เดี๋ยวขนมปังช้ำหมด) พอได้กลิ่นหอมแง้มดูสีสวยแล้วกลับด้านพอสุกดีทั้ง 2 ด้านนำขึ้นพักไว้ เตรียมแต่งจาน


แป้งทำทั้งหมด 3 หน้าหวาน 2 หน้าคาว 1 หน้าเลยค่ะอร่อยง่ายทั้งคาวหวาน
แบบหวานโรยด้วยโอวัลติน เมล็ดแฟลกซ์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์
อีกแบบหั่นกีวีราดด้วยน้ำผึ้งตัดรสเปรี้ยวหวาน
แบบคาวแป้งทอดแฮมและเหยาะซอสมะเขือเทศเล็กน้อย


                พร้อมเสิร์ฟทั้งหมดนี้ในเวลาแค่ไม่กี่นาทีแป้งจัดโต๊ะทานข้าวแล้วแบ่งทานกับแม่เป็นมื้อเช้าที่ง่ายแสนง่าย ส่วนพ่อทานขนมปังไม่ได้ทานข้าวต้มร้อนๆ แทนค่ะ

                 แป้งเคยเอาขนมปังชุบไข่แล้วเหยาะซอสมะเขือเทศโดยที่ไม่ใส่เครื่องอื่นๆ เลยทานเปล่าๆ แค่นี้ก็อร่อยค่ะ แถมยังได้กำจัดขนมปังแข็งๆ ในตู้เย็นอีกด้วย

                ทีนี้ก็มีเมนูแนะนำให้เพื่อนได้ละ อร่อยๆ น้าเจน ^3^ จุ๊บ จุ๊บ


ฺQuick & Easy   @>_<@ ความสุขไม่ไกลเกินเอื้อม

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

How TO Homemade Fresh Yogurt โฮมเมดโยเกิร์ตทานแล้วฟิน

           
             โยเกิร์ตสดๆ โยเกิร์ตที่ทำด้วยมือเรามันน่าปลื้มใจเนาะ @>_<@  



              อุปกรณ์ทีใช้ไม่มากไม่ยุ่งยาก เริ่มทำช่วงเย็นก่อนนอนคนโยเกิร์ตให้เข้ากับนมตื่นเช้ามาก็ได้กินละช่วงเวลาที่เราไปนอนเป็นช่วงเวลาที่จุลินทรีย์ตั้งหน้าตั้งตาทำงานค่ะ 555

สิ่งที่ต้องเตรียม
นมรสจืด (ไขมมันต่ำ สูตรปกติ หรือสูตรเพิ่มหอมมันก็ได้)
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (แบบไขมัน 0% แบบปกติก็ได้แต่ขอเป็นรสธรรมชาตินะคะหรือจะใช้กรีกโยเกิร์ตก็ได้ยิ่งทำให้โยเกิร์ตของเราเข้มข้น) 
ครั้งต่อไปสามารถแบ่งเก็บโยเกิร์ตที่เราทำไว้เป็นหัวเชื้อต่อไปได้ สัก 3 ครั้งค่ะพอทำครบก็ค่อยซื้อมาใหม่ 1 ถ้วยทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใครที่ชอบทานโยเกิร์ตจะมีความสุขมากเพราะราคากับจำนวณถ้วยที่ทำกินได้มันคุ้มมากกกก
หม้อสะอาด
ทัพพี
ถ้วยขนาดเล็ก
*** รวมราคาประมาณ 50 บาททำกินได้ 10 ถ้วย (ถ้วยใหญ่ด้วยนะ) ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติน้า (ยังไม่รวมราคาโยเกิร์ตที่เป็นสารตั้งต้นนะคะ)
                ดูรูปแล้วทำไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ ถ่ายมาทุกขั้นตอนเลย



นมจืดยี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะถ้าใช้แบบพร่องมันเนยโยเกิร์ตที่เราทำจะเนื้อเหลวหน่อย ต้องการเข้มข้นใช้นมที่ไขมันเยอะๆ


เทนมลงไปในหม้อนำขึ้นไปตั้งไฟให้เดือด (ต้องเฝ้านะคะเพราะนมเวลาเดือดเค้าจะเดือดเร็วมาก ถ้าไม่ระวังให้ดีจะหกเลอะเทอะฟูล้นไปถึงเตาและนมก็จะหายไปเยอะเลยค่ะ ทำไมถึงรู้หล่ะอย่าถามเลยค่ะมันคืออดีตที่เราไม่อยากจำ T^T)



ตั้งหม้อนมเอาไว้จนหายร้อนให้เย็นสนิทเลยนะคะ ถ้าใส่โยเกิร์ตไปตอนที่นมยังไม่เย็นสนิทความร้อนจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์จากโยเกิร์ตตายได้ค่ะ


หยิบโยเกิร์ตออกมาจากตู้เย็น เทใส่ถ้วยอีกถ้วยแล้วใช้ช้อนคนให้โยเกิร์ตเนียนไม่เป็นก้อน ตักนมในหม้อใส่ลงไปเล็กน้อยเพื่อให้คนง่ายขึ้น


เทลงไปในหม้อนม
 

คนให้เข้ากัน (ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มการทำงานของจุลินทรีย์จะทำปฏิกิริยเปลี่ยนนมให้เป็นยเกิร์ต) ตอนคนนานสักหน่อยให้ไม่เกาะเป็นก้อน


ปิดฝาไว้ แล้วไปนอน (หมายถึงตัวเราไปนอนค่ะ) ส่วนจุลินทรีย์เค้าก็ทำงานต่อ ตั้งไว้ 1 คืนประมาณ 12 ชั่วโมง พรุ่งนี้เช้าสามารถทานได้เลย(ความเปรี้ยวกำลังดีเลยค่ะแต่ถ้าชอบทานเปรี้ยวอยากให้เปรี้ยวมากกว่านี้ทานตอนเย็นหรือวันรุ่งขึ้นนะคะ)


เช้าแล้ววววว ไวเหมือนโกหกเห็นมั้ยคะ เห็นความข้นมั้ย


พอได้แบบนี้แล้วเก็บใส่ตู้เย็นได้เลยค่ะ 1 หม้อเก็บได้ 7 วันเป็นอย่างต่ำ ถ้าทานทุกวันทานหลายคนไม่กี่วันก็หมดค่ะ

ทวนขั้นตอนอีกรอบนะคะ
ต้มนมจนเดือด -> ตั้งไว้ให้เย็น -> ใส่โยเกิร์ตในนม -> คนให้เข้ากัน -> ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 12 ชั่วโมง -> ทาด้า!! แล้วก็กลายเป็นโยเกิร์ต (พอใกล้หมดล็อตนี้ก็สามารถแบ่งโยเกิร์ตมาวนลูปได้อีกค่ะ วนลูปสักสองสามรอบ)





ดูรูปครั้งก่อน ใช้นมแบบไม่พร่องไขมันเนยสังเกตเนื้อจะแข็งกว่า
ตักให้ดูว่าเข้มข้นขนาดไหน พร้อมกินเมื่อไหร่ก็ใส่น้ำผึ้ง ไม่ก็แยม ไม่ก็ซีเรียล บางทีก็แช่ช่องฟรีซทำเป็นไอติม 

โฮมเมดโยเกิร์ตประหยัด ไขมันต่ำ ไม่มีส่วนผสมของนมผง ฟินาเล่มั้ยล่าาาา~~~

ป.ล.เพิ่มเติมเพิ่งนึกขึ้นได้ ตัวที่ทำให้เปลี่ยนจากนมเป็นโยเกิร์ตคือจุลินทรีย์หรือแบคทีเรีย?? อ่าาา
หลังจากลงวิธีทำโยเกิร์ตแล้วได้คุยกับ
 เช้า แบคทีเรีย เป็นซับเซ็ทของจุลินทรีจ่ะ งั้นแป้งเขียนว่าจุลิทรีย์ละกันเนอะ ป.ล.2 ขอให้ข้อคิดไว้ตรงนี้ค่ะ แป้งทำโยเกิร์ตเอาไว้ทานและทำเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเค้กกล้วยน้ำว้าโยเกิร์ตด้วย ทุกครั้งที่ทำมักทำใส่หม้อและตักแบ่งมาใช้ใช้หมดค่อนข้างเร็วก็เลยลืมคิดเรื่องการแบ่งภาชนะเพื่อยืดอายุให้ได้นานขึ้น ถ้าเพื่อนๆ ทำโยเกิร์ตทานเองในบ้านขอแนะนำให้ฆ่าเชื้อภาชนะให้สะอาดก่อนค่ะ ภาชนะต้องปิดฝาได้สนิทนะคะ (ที่แป้งให้วนใช้ 3 ครั้งเพราะเคยเกิดเหตุช่วงอากาศร้อนบางครั้งพอทำครั้งที่ 4 หรือ 5 จะเกิดจุดสีขาวหรือแดงแต่ตรงนี้อาจเป็นเพราะแป้งเปิดปิดหม้อบ่อยก็เป็นได้ )